อ้อมจะพาทุกคนไปเที่ยวหมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ปลายทางระหว่างทะเลสาบฮาลล์สตัทท์และเทือกเขาแอลป์ที่สูงตระหง่านเป็นฉากหลัง หมู่บ้านที่เก่าแก่ที่สุดและถูกถ่ายภาพมากที่สุดในโซนทะเลสาบพื้นที่ Salzkammergut ประเทศออสเตรีย
การเดินทางมาฮาลล์สตัทท์
จากซาลล์บรูก(From Salzburg) ระยะทางจากซาลล์บรูก: 2 ชั่วโมง 15 นาทีโดยรถบัส, 2.5 ชั่วโมงโดยรถไฟบวกกับนั่งเรือข้ามฟากสั้น และเพียง 1 ชั่วโมงและ 15 นาทีโดยรถยนต์
จากเวียนนา (From Vienna) ระยะทางจากเวียนนา: 4 ชั่วโมงโดยรถไฟ, ประมาณสามชั่วโมงกว่าๆ โดยรถยนต์จากกรุงเวียนนา
ตารางรถไฟ: OBB (ที่นี่)
การเดินทางไปฮาลล์สตัทท์ จากซาลล์บรวก มิวนิคหรือเวียนนาอาจจะดูเหมือนยากในแว๊บแรก แต่อ้อมบอกเลยว่าไม่ยากอย่างที่คิดค่ะ
ในกรณีที่เราไม่ได้เช่ารถขับเองในการเดินทางไปฮาลล์สตัทท์ และหากเราต้องเดินทางจากเวียนนาอ้อมแนะนำให้นั่งรถไฟค่ะ แต่ถ้าเราเดินทางจากซาลล์บรูกโดยรถบัสก็จะเร็วกว่าการเดินทางด้วยรถไฟนิดหน่อย และรถจะจอดที่เมืองฮาลล์สตัทท์เลย แต่การเดินทางจากซาลล์บรูกโดยรถไฟจากซาลล์บรวกก็ไม่ยากนะคะ เพียงแต่ต้องเผื่อเวลาในการเดินทางเพิ่มโดยการนั่งเรือเฟอร์รี่ข้ามทะเลสาบจากสถานีรถไฟฮาลล์สตัทท์ (ชื่อสถานีฮาลล์สตัทท์ก็จริงค่ะ แต่สถานีตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามทะเลสาบกับเมืองฮาลล์สตัทท์อีกทีค่ะ)
อ้อมได้แบ่งปันข้อมูลการเดินทางมาหลายวิธี เพื่อช่วยให้ทุกคนได้เตรียมความพร้อมสำหรับการเดินทางไปยังหมู่บ้านที่แสนสวยแห่งนี้แบบที่ไม่ต้องลำบากและให้เหมาะสมกับการเดินทางไปยังเมืองฮาลล์สตัทท์ของทุกคนค่ะ
รถไฟ
เดินทางไปฮาลล์สตัทท์ด้วยรถไฟง่ายมากค่ะ ไม่ว่าเราจะเดินทางจากซาลล์บรูกหรือเวียนนา เราต้องไปเปลี่ยนรถไฟที่สถานีเดียวกันคือสถานี Attnang-Puchheim (จากสถานี Salzburg Hbf ใช้เวลาประมาณ 46 นาที, จากสถานี Westbahnhof เวียนนาใช้เวลาประมาณ 2 ชม.) เพื่อเปลี่ยนไปขึ้นขบวน RegionalExpress ต่อไปยังเมืองฮาลลสตัทท์ อีกประมาณ 1 ชม. ครึ่ง เมื่อถึงสถานีรถไฟฮาลล์สตัทท์ (Hallstatt) ให้นั่งเรือเฟอร์รี่ข้ามฟากมาเมืองฮาลล์สตัทท์ค่ะ (เรือข้ามฝากราคาคนละ 4 ยูโร)
สรุปเส้นทาง:
1. Salzburg หรือ Vienna > Attnang-Puchheim:
ระยะเวลาในการเดินทางด้วยรถไฟ
จากซาลล์บรูก สถานี Salzburg Hbf มาเมือง Attnang-Puchheim ใช้เวลาประมาณ 50 นาที
จากเวียนนา สถานี Westbahnhof มาถึงเมือง Attnang-Puchheim จะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
เวลาระหว่างรอการเปลี่ยนรถไฟประมาณ 10-30 นาที
2. Attnang-Puchheim> Bad Ischl> Hallstatt Bahnhof:
เดินทางต่อโดยรถไฟท้องถิ่นจากสถานี Attnang-Puchheim ไปยัง Bahnhof Hallstatt จะใช้เวลาเดินทางประมาณ 90 นาที โดยสถานี Bahnhof Hallstatt จะอยู่ฝั่งตรงข้ามทะเลสาบจากตัวเมืองฮาลล์สตัทท์ จากนั้นนั่งเรือข้ามฟากเพื่อไปยังเมืองฮาลล์สตัทท์
แต่หากคุณพักที่เมืองโอเบอร์ทรอน Obertraun ให้นั่งรถไฟต่อไปอีกหนึ่งสถานี หรืออีกประมาณ 5 นาที เพื่อไปลงที่สถานีโอเบอร์ทรอน Obertraun หรือถ้าคุณจะไปเที่ยวชมถ้ำน้ำแข็งและ five fingers ให้นั่งรถบัสสาย 542 จากสถานี Obertraun ลงที่สถานี Obertraun Dachsteinseilbahn และหากจะเดินทางจากสถานี Obertraun ไปฮาลล์สตัทท์โดยรถบัสให้นั่งไปลงที่สถานี Hallstatt Lahn เช็คตารางเดินรถบัส
ราคาตั๋วรถไฟและตารางเวลารถ: สำหรับข้อมูลตารางรถไฟเช็คได้จาก เว็บไซต์รถไฟเยอรมัน หรือเว็บไซต์รถไฟออสเตรีย ราคาจะขึ้นอยู่กับบริษัทรถไฟที่คุณเลือกค่ะ เช็คราคาได้จากเว็บไซต์รถไฟได้เองเลยค่ะ
การเดินทางโดยรถบัสแล้วต่อรถไฟจากซาลล์บรวก
การเดินทางด้วยรถบัสแล้วต่อรถไฟจาก Salzburg ไป Hallstatt จะเร็วกว่าการเดินทางด้วยรถไฟอย่างเดียวประมาณ 20 นาที แต่ก็ต้องเปลี่ยนรถถึง 3 ครั้งค่ะ
วิธีการก็คือต้องขึ้นรถบัสสาย 150 จากสถานี Salzburg ไปลงที่สถานี Bad Ischl และจากที่นี่ ให้เปลี่ยนไปขึ้นรถไฟเพื่อเดินทางต่อไปยังเมือง Hallstatt โดยเส้นทางนี้จะใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชม. 40 นาที
ถ้าให้อ้อมแนะนำ อ้อมว่าการเดินทางด้วยรถไฟน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าในการเดินทางไปฮาลล์สตัทท์ (Hallstatt) ค่ะ
หมายเหตุ: ที่สถานีรถไฟและสถานีรถบัสฮาลล์สตัทท์ไม่มีที่ฝากกระเป๋านะคะ
Things to do
1. เดินเล่นในหมู่บ้านแสนสวยฮาลล์สตัทท์: ตั้งแต่เราก้าวเท้าเข้าสู่หมู่บ้านฮาลล์สตัทท์ คุณจะตกหลุมรักหมู่บ้านนี้เหมือนรักแรกพบ ทุกย่างก้าวที่เราเดินไปจะมีทั้งบ้านไม้อัลไพน์น่ารักแบบดั้งเดิม วิวทะเลสาบและภูเขาที่งดงาม แถมด้วยบรรดาหงส์ที่สง่างามพากันมาว่ายน้ำโชว์นักท่องเที่ยวอีกด้วย เรียกได้ว่าเหมือนกับเราได้เดินเข้าไปในหมู่บ้านเทพนิยายจากนิทานอัลไพน์หยั่งไงหยั่งงั้นเลยค่ะ และถึงแม้ถนนหลักของเมืองจากหน้าหมู่บ้านจนถึงสุดหมู่บ้านจะมีเพียงเส้นเดียว เป็นทางเลียบทะเลสาบและมีระยะทางเพียง 1 กิโลเมตรกว่าๆ เท่านั้น แต่ก็ทำให้เรารู้สึกว่าไม่อยากให้มันมีจุดสิ้นสุดเลย ถ้าทุกคนมีโอกาสได้มาเยี่ยมเยือนหมู่บ้านอันแสนน่ารักแห่งนี้ อ้อมแนะนำให้คุณใช้เวลาและซึมซับบรรยากาศและความสวยงามของฮาลล์สตัทท์ให้มากที่สุด อ้อมรับรองค่ะว่าทุกคนต้องประทับใจและมีความทรงจำว่าครั้งหนึ่งเราเคยได้มาสัมผัสหมู่บ้านน่ารักแห่งนี้ค่ะ
2. ขับเรือไฟฟ้าในทะเลสาบฮาลล์สตัทท์: ขับเรือในทะเลสาบอันสวยงามที่ล้อมรอบไปด้วยภูเขาแอลป์ เป็นกิจกรรมแนะนำที่ไม่อยากให้ใครที่ได้มีโอกาสมาเที่ยวในช่วง เม.ย.-ก.ย. พลาดเลยค่ะ เค้าเปิดบริการให้เช่าเรือเฉพาะช่วงฤดูร้อนและเฉพาะวันที่อากาศดีเท่านั้น เวลาเช่าขั้นต่ำ 30 นาที ลำนึงนั่งได้ 4 คน ส่วนราคาเค้าคิดค่าบริการเหมาลำค่ะ
เรือไฟฟ้า 300 วัทต์: 30 นาที 10 ยูโร, 1 ชม. 15 ยูโร
เรือไฟฟ้า 500 วัทต์: 30 นาที 13 ยูโร, 1 ชม. 18 ยูโร
ไปขับเรือผ่อนคลาย แล้วยังได้เห็นหมู่บ้านฮาลล์สตัทท์ในมุมมองที่ไม่เหมือนใครอีกต่างหาก
3. ทานปลาทะเลสาบ (Try Lake Fish): ฮาลล์สตัทท์เป็น 1 ในหมู่บ้านในภูมิภาคของเทือกเขาแอลป์และทะเลสาบ เพราะฉะนั้นแน่นอนว่า อาหารขึ้นชื่อก็ไม่พ้นหลากหลายเมนูปลาสดๆ จากทะเลสาบค่ะ ในทะเลสาบฮาลล์สตัทท์มีปลาที่มีชื่อเสียงชื่อเรียกยากว่า “ไรอันเก้ (Reinanke)” หรือในภาษาอังกฤษเรียกว่า White Fish และถ้าได้ทานคู่กับไวน์ขาวท้องถิ่นของออสเตรียแล้วล่ะก็ รับรองว่ามันช่างเข้ากั๊น..เข้ากันจริงๆ ค่ะ แต่ที่นี่ก็ไม่ได้มีแค่ปลาไรอันเก้เท่านั้นนะคะ ยังมีทั้งปลาชาร์ (Char) แซลมอนเทร้าท์ (Salmon Trout) และที่อ้อมชอบมากที่สุดคือปลาเทร้า (Trout) ค่ะ แต่เนื่องจากอย่างที่เราทราบกันดีว่าปลาน้ำจืดจะก้างเยอะ ยังไงระวังก้างเวลาทานกันด้วยนะคะ
4. หอคอยรูดอร์ฟ&สกายวอร์ค (Rudolph’s Tower & Skywalk): เป็นจุดชมวิวบนภูเขาเกลือ (Salzberg) ที่เราจะสามารถมองเห็นหมู่บ้านฮาลล์สตัทท์จากมุมสูงที่ 1,200 ฟุต โดยหอคอยรูดอร์ฟนี้ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1282 โดยดยุค Albrecht ที่ 1 แห่งออสเตรียเพื่อใช้เป็นหอคอยสังเกตการณ์ในการป้องกันเหมืองเกลือและได้ตั้งชื่อหอคอยว่า “รูดอล์ฟ” ตามชื่อพ่อของเขา (Afder Rudorf ที่ 1) และต่อมาที่หอคอยรูดอร์ฟนี้ยังใช้เป็นที่อาศัยของผู้จัดการเหมืองเกลือมาหลายรุ่นยาวนานนับหลายศตวรรษ ในปี ค.ศ. 1960 ที่หอนี้ได้เปิดเป็นร้านอาหารที่มีอาหารท้องถิ่นหลากหลายเมนู หรือจะจิบกาแฟกับทานเค้กแบบโฮมเมดเพลินๆ ชมวิวไปด้วยก็มีความสุขไปอีกแบบนะคะ
จุดชมวิว Skywalk เป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวสำหรับคนที่ชอบความตื่นเต้นและชอบวิวพาโนรามาของเทือกเขาอัลไพน์ในภูมิภาค Dachstein Salzkammergut จุดชมวิวที่ยื่นจากหน้าผาสูง 1,148 ฟุต ทำให้เหมือนกับว่าเราเดินบนอากาศเหนือหลังคาหมู่บ้านมรดกโลกฮาลล์สตัทท์ เป็นมุมที่ตื่นเต้นไปอีกแบบค่ะ
การเดินทาง: การเดินทางขึ้นมาบนหอคอยรูดอร์ฟ&สกายวอร์ค สามารถนั่งรถรางขึ้นเขาค่ะ ซึ่งเราสามารถซื้อตั๋วแยกเฉพาะค่ารถไป-กลับขึ้นมาชมวิว หรือขึ้นมาร้านอาหารอย่างเดียว หรือซื้อตั๋วรวมค่ารถไป-กลับ+เหมืองเกลือค่ะ (วัน-เวลาทำการและราคาตั๋ว) หรือเดิน treking ประมาณ 1 ชม. ขึ้นตามเส้นทางเดินขึ้นเขาก็ได้เช่นกันค่ะ
5. เหมืองเกลือฮาลล์สตัทท์ Hallstatt Salt Mine (Salzwelten): เหมืองเกลือที่เก่าแก่ที่สุดในโลกแห่งนี้มีอายุมากกว่า 7,000 ปี เรียกได้ว่ามีมาตั้งแต่สมัยยุคก่อนคริสตกาลเลยค่ะ ในเมืองหนาวที่อาณาเขตไม่มีทางออกติดทะเล เกลือถือว่าเป็นของมีค่ามาก โดยที่นี่จะมีคำเรียกเกลือว่า “White Gold” หรือทองคำขาว และเหตุผลที่เกลือมีค่ามากในสมัยก่อนก็เนื่องจากคนโบราณเค้าใช้เกลือในการถนอมอาหารไว้ทาน เพื่อให้สามารถดำรงชีวิตอยู่รอดได้ในช่วงฤดูหนาวที่สัตว์และต้นไม้ใบหญ้าต่างพากันจำศีลซึ่งกินเวลาหลายเดือน เช่น แฮม เบคอน เป็นต้น เราอาจเคยได้ยินว่ามีเพียงไม่กี่แห่งในโลกนี้ที่มีหลักฐานของมนุษย์ในช่วงยุคเหล็ก ที่ฮาลล์สตัทท์มีหลักฐานจากการขุดค้นพบโครงกระดูก ข้าวของเครื่องใช้ และเครื่องไม้เครื่องมือและในการเริ่มทำเหมือง จนหมู่บ้านเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาแห่งนี้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกในชื่อที่ตั้งตามยุคที่รุ่งเรืองที่สุดในช่วงยุคเหล็กว่า “Hallstatt Era” ยุคฮาลล์สตัทท์ (800-400 ปีก่อนคริสตกาล)
ทัวร์เหมืองเกลือฮาลล์สตัทท์เป็นกิจกรรมสนุกๆ สำหรับผู้ชมทุกเพศทุกวัย ตั้งแต่เข้าไปก็เจอความตื่นเต้นของสไลด์ไม้กระดานโบราณของคนงานเหมือง ซึ่งเป็นสไลด์และบันไดไม้ที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรป และการเดินทางโดยรถไฟที่ใช้ในการเข้า-ออกถ้ำเกลือของคนงานเหมือง เรายังจะได้เห็นทะเลสาบใต้ดินที่บอกเล่าเรื่องราวของการเกิดเกลือบนเขานี้แบบเข้าใจง่ายโดยใช้ แสง สี เสียง เรียกได้ว่าหลังหนึ่งชั่วโมงของการทัวร์เหมืองเกลือ เราได้รับทั้งความรู้ทางภูมิศาสตร์และประวัติศาสตร์ของเหมืองเกลือและภูมิภาคนี้ และยังได้เห็นชีวิตประจำวันของชาวเหมืองในสมัยก่อนอีกด้วยค่ะ ถ้ามีแผนจะมาเที่ยวเหมืองเกลือ ขอให้เผื่อเวลาขึ้นรถราง ถ่ายรูปวิว เดินไป-กลับเหมืองและทัวร์เหมืองซึ่งจะใช้เวลาอย่างน้อยประมาณ 3 ชม. ค่ะ
การเดินทาง: นั่งรถรางขึ้นเขาจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยวตรงทางขึ้นเขาเกลือ จากนั้นเดินต่อไปตามทางเดินป่าอีกประมาณ 15-20 นาที โดยเราสามารถซื้อตั๋วแยกเฉพาะค่ารถไป-กลับขึ้นมาชมวิว หรือขึ้นมาร้านอาหารอย่างเดียว หรือซื้อตั๋วรวมค่ารถไป-กลับ+เหมืองเกลือค่ะ (วัน-เวลาทำการและราคาตั๋ว)
หมายเหตุ: เหมืองเกลือจะปิดในช่วงฤดูหนาว ตั้งแต่ประมาณปลายเดือนพฤศจิกายนไปจนถึงต้นเดือนเมษายนค่ะ
Where to eat
ร้านอาหารแนะนำ:
- ร้าน Seewirt ร้านเก่าแก่และขึ้นชื่อเรื่องเมนูปลา แต่ก็มีเมนูอาหารพื้นเมืองอื่นๆ ด้วยนะคะ / ที่ตั้ง: Marktplatz 51, 4830 Hallstatt
- ร้าน Lake side hotel Grüner Baum ร้านริมทะเลสาบบรรยากาศดีมีเมนูปลาสดๆ จากทะเลสาบ แล้วยังมีอาหารพื้นเมืองและอาหารสไตล์เมดิเตอร์เรเนียนด้วยค่ะ / ที่ตั้ง: Marktplatz 104, 4830 Hallstatt
- ร้าน Braugasthof Inn ร้านตกแต่งน่ารัก และเปิดพื้นที่ริมทะเลสาบแบบ Outdoor ในวันอากาศดี แน่นอนว่ามีเมนูปลาสดจากทะเลสาบและอาหารพื้นเมือง แต่ถ้าใครชอบทานเป็ด อ้อมแนะนำเมนูเป็ดซอสส้มค่ะ / ที่ตั้ง: Verena Lobisser, Seestraße 120, 4830 Hallstat